[ข่าวปลอม] ตรวจสอบพบ :
โพสต์สร้างความปลุกเร้า ระบุปราสาทตาควายลุกไหม้
เผยแพร่เมื่อ 11 ธันวาคม 2568
อัปเดต 12 ธันวาคม 2568
เผยแพร่เมื่อ 11 ธันวาคม 2568
อัปเดต 12 ธันวาคม 2568
รัฐ กาลัญญูวงศ์ ตรวจสอบข่าวปราสาทตาควายไฟไหม้และไทยโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยสไนเปอร์ซึ่งปรากฏบนเฟซบุ๊คเมื่อ 10 ธันวาคม 2568 พบยังไร้หลักฐานทางการยืนยัน เป็นเพียงการใช้คลิปเหตุการณ์ถล่มปราสาทตาควายประกอบข้อความปลุกเร้าอารมณ์
เฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ครูยุดนุดกบ เผยแพร่โพสต์อัปเดตสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อ 10 ธันวาคม 2568
ระบุข้อความว่า
ปราสาทตาควายมีเพลิงรุกไหม้ในตัวปราสาท เขมรหนีออกมา ฝ่ายเราตอบโต้ด้วยชุดสไนเปอร์ ร่วงเป็นใบไม้
โพสต์ต้นข่าวของ ครูนุดยุดกบ ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊คมีส่วนร่วมกับโพสต์ข้างต้นจำนวนมาก
การโจมตีใกล้กับปราสาทตาควายในห้วงเวลาล่าสุด ปรากฏรายงานของกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า “กระเช้าเนิน 350” ใกล้กับปราสาทตาควายถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา
โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์จากเพจเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการของกองทัพภาคที่ 2 ระบุกระเช้าของทหารกัมพูชาใกล้กับตัวปราสาทตาควายถูกทำลายแล้ว
ขณะที่รายงานทางการเกี่ยวกับตัวปราสาทตาควายไม่ปรากฏในวันเดียวกัน แต่ตรวจสอบพบคลิปวิดีโอที่ระบุว่าเป็นการโจมตีตัวปราสาทตาควายทางอากาศโดยทหารไทยจากเพจเฟซบุ๊คของ Army Millitary Force และ ชุมชนคนสุรินทร์
เพจเฟซบุ๊ค Army Miliitary Force เผยแพร่วิดีโออีกด้านหนึ่งของการโจมตีปราสาทตาควาย เมื่อ 9 ธันวาคม 2568
เพจเฟซบุ๊ค ชุมชนคนสุรินทร์ โพสต์คลิปวิดีโอซึ่งระบุว่าตัวปราสาทตาควายโดนโจมตี เมื่อ 8 ธันวาคม 2568
และตรวจสอบว่าคลิปวิดีโอทั้งสองถูกสร้างขึ้นด้วย AI หรือไม่ ผลปรากฏว่าคลิปวิดีโอข้างต้นเป็นเหตุการณ์จริง
ตรวจสอบแล้ว : วิดีโอจากเพจเฟซบุ๊ค Army Miltary Force ไม่ได้สร้างจาก AI
ตรวจสอบแล้ว : วิดีโอจากเพจเฟซบุ๊ค ชุมชนคนสุรินทร์ ไม่ได้สร้างจาก AI
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ค Army Military Force ระบุภาพเพิ่มเติมแสดงให้เห็นความเสียหายของตัวปราสาทตาควายภายหลังการถูกโจมตี ภาพความเสียหายไม่ปรากฏลักษณะของการโดนไฟไหม้
ภาพดังกล่าวเมื่อตรวจสอบด้วย Google Lens พบว่ามีสำนักข่าวนำไปอ้างอิงจำนวนมาก ขณะเดียวกันการตรวจสอบด้วย Hive Moderation ยืนยันได้ว่าเป็นภาพเหตุการณ์จริง
ภาพที่ระบุว่าคือปราสาทตาควายที่ถูกทำลายไม่ใช่ภาพที่ถูกสร้างขึ้นจาก AI เมื่อตรวจสอบด้วย Hive Moderation
ภาพที่เพจ Army Military Force อ้างว่าคือปราสาทตาควายที่ถูกทำลาย เมื่อตรวจสอบด้วย Google Lens พบว่าหลายสำนักข่าวนำไปใช้อ้างอิง
กล่าวได้ว่า ยังไม่มีหลักฐานจากหน่วยงานของรัฐหรือสื่อกระแสหลัก ที่ยืนยันข้อความว่าปราสาทตาควายมีเพลิงลุกไหม้ภายในตัวปราสาท มีเพียงคลิปเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นการโจมตีตัวปราสาทตาควาย และภาพแสดงความเสียหายภายหลังการโจมตี
วิดีโอจากเพจเฟซบุ๊คของ Army Millitary Force และ ชุมชนคนสุรินทร์ แสดงให้เห็นจังหวะการพังของตัวปราสาทตาควายซึ่งยืนยันได้ว่ามีการใช้กำลังรบจริงในพื้นที่ แต่ยังไม่ปรากฏแหล่งข้อมูลที่ชี้ชัดว่าทหารไทยยิงสไนเปอร์ใส่ทหารกัมพูชา
สำหรับวลี “ร่วงเป็นใบไม้” หมายความว่าทหารอีกฝ่ายถูกยิงเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ปรากฏแหล่งข้อมูลที่ชี้ชัดเช่นเดียวกัน
การใช้ถ้อยคำในลักษณะนี้ล้วนไม่ผ่านการยืนยัน และมีลักษณะภาษาปลุกเร้าลดทอนความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าการเป็นข้อมูลข่าว
ผู้จัดทำลองค้นหาคีย์เวิร์ด ปราสาทตาควายรุกไหม้ บนเฟซบุ๊คพบโพสต์ในลักษณะเดียวกันจำนวนมาก
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ต้นโพสต์ของ ครูยุดนุดกบ ซึ่งมีผู้กดถูกใจไม่น้อยกว่า 7,000 ครั้ง ถูกนำไปเผยแพร่ต่อโดยผู้คนและสื่ออิสระจำนวนมาก โดยปรากฏการคัดลอกข้อความไปเผยแพร่ต่อ หรือการเลือกใช้คำและใจความในลักษณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดของผู้ที่ไม่ทราบความจริง และเป็นการสร้างความขัดแย้งต่อประเด็นดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ผู้ใช้ทั่วไป แต่สื่ออิสระหรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์จำนวนหนึ่ง รายงานถ้อยคำดังกล่าวประกอบกับภาพซึ่งถูกตัดต่อปราสาทตาควายในลักษณะไฟลุกท่วมและมีทหารจำนวนหนึ่งอยู่หน้าปราสาท รวมไปถึงภาพนายทหารบาดเจ็บซึ่งจากการค้นหาด้วย Google Lens ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นภาพจากเหตุการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้
นอกเหนือจากการตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI หรือ Deepfake หรือไม่ ด้วยเครื่องมือ Hive Moderation ภาพข่าวซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นภาพตัดต่อมีตัวอย่างการสังเกต ดังนี้
ปราสาทตาควายลุกไหม้เป็นภาพตัดต่อ
ธรรมชาติของวัสดุ
ปราสาทตาควายสร้างด้วยศิลาทรายและศิลาแลง ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ การที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมตัวปราสาทหินรุนแรงขนาดนี้จึงเป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์
ลักษณะของไฟ
เปลวไฟในภาพดูสดเกินจริงและดูเหมือนเอฟเฟกต์ที่นำมาซ้อนทับ มากกว่าไฟที่ไหม้จากตัวอาคารจริง ๆ นอกจากนี้แสงและเงาของไฟไม่ได้สะท้อนกับตัวทหารหรือสภาพแวดล้อมอย่างสมจริง
การจัดองค์ประกอบ
ภาพทหารด้านหน้าดูเหมือนถูกนำมาตัดแปะใส่เข้าไปเพื่อให้ดูตื่นเต้นเพื่อดึงดูดความสนใจ (Clickbait)